การศึกษาปฐมวัยสมัยมีระบบโรงเรียน
การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนของประเทศไทยเริ่มต้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ได้เสด็จประพาสยุโรปหลายครั้งและได้ส่งข้าราชการชั้นสูงไปศึกษาดูงานยังประเทศต่างๆ
เพื่อนนำแบบอย่างการจัดการศึกษามาใช้ในประเทศไทยและตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับลูกหลานของประชาชนทั่วไปเมื่อปี
พ.ศ.2427
โดยตั้งขึ้นตามวัดเพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อที่ดินและการตั้งโรงเรียน
การจัดตั้งโรงเรียนครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาในระบบโรงเรียน
มีการกำหนดหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในรูปหลักสูตรมูลศึกษาข้นมาด้วย
ภายหลังเมื่อตั้งกรมศึกษาธิการขึ้นในปี พ.ศ.2430
ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรมูลศึกษาและขยายการศึกษาออกไปโดยให้วัดและพระอารามต่างๆร่วมจัดการศึกษาในรูปของโรงเรียนมูลสามัญ
จนกระทั้งถึงปี พ.ศ.2441 จึงได้มีโครงการศึกษาฉบับแรก เรียกโครงการศึกษา พ.ศ.2441
แล้วจึงมีโครงการศึกษาฉบับอื่นๆตามมาหลายฉบับ ซึ่งมีนโยบายและแนวความคิด
ตลอดจนลักษณะการจัดโรงเรียนอนุบาล ดังนี้
1. นโยบายและแนวความคิด
โครงการศึกษาฉบับแรก คือ
โครงการศึกษา พ.ศ.2441 โครงการศึกษาฉบับนี้ได้กล่าวถึงโรงเรียนมูลศึกษา
อันเป็นการศึกษาเบื้องแรกหรือการศึกษาปฐมวัย โดยโรงเรียนมูลศึกษาแบ่งออกเป็น
1.1 โรงเรียนบูรพบท รับเด็กอายุ 7 ปี
เพื่อฝึกเด็กให้มีความรู้ในชั้นสูงสำหรับเข้าเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาต่อไป
โรงเรียนบูรพบทมูลศึกษานี้อาจจะจัดเป็นโรงเรียนต่างหากหรือแทรกอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาก็ได้
1.2 โรงเรียน ก.ข. นโม
จัดสอนเกี่ยวกับการเขียน อ่าน คิดคำนวณ ตามวิธีอย่างเก่า
สถานที่เรียนให้เรียนตามวัดหรือตามบ้าน ไม่กำหนดอายุผู้เรียน เมื่อผู้เรียน เขียน
อ่าน คิดเลขได้แล้ว จะได้เข้าเรียนเบื้องต้นสถานศึกษาเป็นลำดับขั้นไป
1.3 โรงเรียนกินเดอกาเตน
มีลักษณะการจัดการเรียนการสอนเช่นเดียวกับโรงเรียน ก.ข.นโม
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าโครงการศึกษา
พ.ศ. 2441 จะได้กำหนดให้มีโรงเรียนมูลศึกษาดังที่กล่าวมาแล้ว
แต่การจัดชั้นมูลยังไม่มีการกำหนดหลักสูตร ไม่มีระเบียบการสอน
การจัดการขั้นมูลในช่วงเวลานั้นจึงนิยมฝากไว้ในโรงเรียนประถมศึกษา
และเป็นการจัดเพื่อเตรียมเข้าชั้นประถมศึกษา เป็นการจัดกันเองโดยไม่มีหลักสูตร
ไม่มีระเบียบการสอน
ปี พ.ศ. 2445
ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงการศึกษา พ.ศ. 2441
ขึ้นเพราะได้รับอิทธิพลจากการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นโดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
และคณะ ได้กลับจากการศึกษาดูงานจากญี่ปุ่น ซึ่งในระดับการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดให้มีขั้นการศึกษาเบื้องต้นที่เรียกว่าประโยคมูลศึกษา
เป็นการจัดชั้นเรียนสอนเด็กให้มีความรู้พื้นฐานเพื่อเรียนต่อในชั้นประถมศึกษา
ต่อมาในโครงการศึกษา พ.ศ. 2450
ให้โรงเรียนประถมที่ไม่มีแผนมูลศึกษาจัดชั้นเตรียมอีก 1 ชั้นได้
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคมูลศึกษาตามโครงการศึกษา พ.ศ. 2445
และชั้นเตรียมโครงการศึกษา พ.ศ. 2450 ชั้นเด็กเล็กนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าการศึกษาปฐมวัยได้พัฒนาเรื่อยมา
โดยระยะแรกของชั้นมูลหรือโรงเรียนมูลศึกษาหรือชั้นเตรียมประถม
จนกระทั้งในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ได้พัฒนาขึ้นในรูปของการอนุบาล(Kindergarten)
ตามแนวคิดของเฟรอเบล
และมอนเตสซอรี่
ซึ่งได้นำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยมีหลักฐานที่ค้นพบคือ หลักการเกี่ยวกับการสอนเด็กในหนังสือนรางกุโรวาท
ของประเสริฐอักษร เมื่อ พ.ศ. 2453 ซึ่งมีการกล่าวถึงการสอนเด็กอายุระหว่าง 1-7 ปี
2.ประวัติการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาล
การศึกษาปฐมวัยตามแนวคิดของเฟรอเบลและมอนเตสซอรี่
ได้เข้ามาสู่ประเทศไทยและเริ่มจัดดำเนินงานโดยโรงเรียนราษฎร์เป็นส่วนใหญ่
โรงเรียนราษฎร์ที่เปิดแผนกอนุบาลขึ้นได้แก่ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนราชินี
และโรงเรียนมาร์แตร์เดออี
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย หรือโรงเรียนวังหลัง |
2.1 โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
หรือโรงเรียนวังหลัง
ได้จัดตั้งขึ้นโดยศาสนทูตอเมริกันที่เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในเมืองไทย
ครั้งแรกได้จัดการศึกษาสำหรับเด็กชายและขยายต่อมาถึงการศึกษาสำหรับเด็กหญิง
หลายปีต่อมาโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยจึงได้จัดตั้งแผนกอนุบาลขึ้นในปี พ.ศ. 2454
นับเป็นโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกที่เปิดขึ้นและดำเนินการโดยนางสาวโคลด์
โรงเรียนราชินี |
2.2 โรงเรียนราชินี
เป็นโรงเรียนแห่งที่ 2 ที่เปิดแผนกอนุบาลขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2466
และเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่ดำเดินการโดยคนไทย คือ ม.จ. หญิง พิจิตรา จิราภา เทวกุล
ซึ่งเป็นศิษย์ของมิสโคล์ด รับเด็กอายุ 3-5 ปี
ทำการสอนตามแนวของมอนเตสวอรี่และเฟรอเบลตามที่ได้ศึกษามาจากประเทศญี่ปุ่น
มุ่งสอนให้เด็กช่วยตัวเอง เช่น ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่-ถอดกระดุมเสื้อ
เอาใจใส่ดูแลเรื่องอาหาร การพักผ่อน การออกกำลังกาย ฝึกการฟ้อนรับ และศิลปะแบบไทย
โรงเรียนรานิชีแผนกอนุบาลมีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับการฟ้อนรำและการละครนำออกแสดงให้ชาวต่างประเทศชมและได้รับคำชมเสมอ
นักเรียนโรงเรียนมาร์แตร์เดอี |
2.3 โรงเรียนมาร์แตร์เดอี
ได้เปิดรับนักเรียนอนุบาลในปี พ.ศ. 2470 นับเป็นโรงเรียนแห่งที่ 3
ที่เปิดแผนกอนุบาล รับนักเรียนชาย-หญิง โดยใช้แนวสอนตามแบบอย่างของประเทศอังกฤษ
คือแบบเฟรอเบล ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมาแมร์เทเรซา ชาวเบลเยี่ยม ได้เคยเป็นครูสอน ณ
ประเทศอังกฤษ
จึงได้นำเอาวิธีการสอนตลอดจนระเบียบการจัดชั้นเรียนมาเป็นแนวการสอนของโรงเรียน
และที่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงศึกษาเล่าเรียนชั้นอนุบาลในสมัยทรงพระเยาว์
หน้าเว็บนี้...ยังต้องปรับภาพให้เข้ากับเรื่องราวที่นำเสนอ นะคะ
ตอบลบเอ้า สู้ๆๆ
ขอบคุณคะอาจารย์ ^___^
ตอบลบ