ประเทศไทยมีการจัดการศึกษาปฐมวัยมานานแล้ว
โดยเจ้านายเชื้อพระวงศ์เข้ามาเรียนในโรงเรียนราชกุมารี ส่วนชาวบ้านก็นิยมนำลูกไปฝากที่วัด ต่อมาเมื่อมีการจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบจึงมีชั้นมูลศึกษาเกิดขึ้น และมีโรงเรียนราษฎรที่จัดการศึกษาปฐมวัย ได้แก่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนราชินี และโรงเรียนมาร์แตร์เดอีได้เริ่มเปิดการสอนแผนกอนุบาลขึ้นโดยนำวิธีการสอนแบบเฟรอเบลและมอนเตสเซอรี่มาเป็นตัวอย่าง
ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รัฐบาลได้แต่งตั้งโรงเรียนอนุบาลของรัฐ แห่งแรกในปี พ.ศ.2483 คือ โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และยังคงดำเนินการสอนอยู่จนปัจจุบันและตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา รัฐบาลเริ่มมีนโยบายส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนเปิดการสอนระดับอนุบาลศึกษาขณะเดี่ยวกันหน่วยงานต่างๆ ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษาในระดับนี้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดเตรียมความพร้อมให้เด็กในวัยนี้หลากหลายรูปแบบ มีทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการศึกษาโดยตรงและหน่วยงานอื่นๆร่วมกันดำเนินงาน
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย |
โรงเรียนราชินี ในอดีต มุมมองจากแม่น้ำเจ้าพระยา |
ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รัฐบาลได้แต่งตั้งโรงเรียนอนุบาลของรัฐ แห่งแรกในปี พ.ศ.2483 คือ โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และยังคงดำเนินการสอนอยู่จนปัจจุบันและตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา รัฐบาลเริ่มมีนโยบายส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนเปิดการสอนระดับอนุบาลศึกษาขณะเดี่ยวกันหน่วยงานต่างๆ ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษาในระดับนี้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดเตรียมความพร้อมให้เด็กในวัยนี้หลากหลายรูปแบบ มีทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการศึกษาโดยตรงและหน่วยงานอื่นๆร่วมกันดำเนินงาน
1.
นโยบายของการศึกษาปฐมวัยในอดีต
นโยบายของการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยตั้งแต่อดีตสาสมรถศึกษาได้จากแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติในแต่ละสมัยที่ผ่านมาได้ดังนี้
1.1 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่
3 (พ.ศ.2515 - 2519) ระบุไว้ว่า
จะปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนอนุบาลของรัฐให้ดีขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เอกชนละมีการเปิดโรงเรียนอนุบาลในอำเภอใหญ่ที่ความเจริญทางเศรษฐกิจและมีประชากรหนาแน่น
1.2
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 4
(พ.ศ. 2520 - 2524) ระบุไว้ว่า
การศึกษาอนุบาลนั้นรัฐจะไม่ดำเนินการแต่จะกำหนดระเบียบในการจัดการศึกษาอนุบาลให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษามากยิ่งขึ้น
ซึ้งสอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับพุทธศักราช 2520
ที่มีรายละเอียดระบุไว้ ดังนี้
“16.
รัฐพึงเร่งจัดและสนับสนุนการอบรมเลี้ยงดูเด็กในวัยก่อนประถมศึกษาโดยรัฐจะสนับสนุนให้ท้องถิ่นและภาคเอชนจัดให้มากที่สุด สำหรับการจัดการศึกษาระดับนี้ของรัฐจะจัดเพียงเพื่อเป็นตัวอย่างและเพื่อการค้นคว้าวิจัยเท่านั้น”
“30.
การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาเป็นการศึกษามุ่งอบรมเลี้ยงดูเด็กก่อนการศึกษาภาคบังคับ
เพื่อเตรียมให้มีความพร้อมทุกด้านดีพอที่จะเข้ารับการศึกษาต่อไป การจัดสถานศึกษาระดับก่อนประถมศึกษานั้นอาจจะเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียน หรือการศึกษานอกโรงเรียน
โดยอาจจะเป็นสถานรับเลี้ยงดูเด็กหรือศูนย์เด็กปฐมวัย
และในบางกรณีอาจจัดเป็นชั้นเด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาลได้”
1.3 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 5 ( พ.ศ.
2525 -
2529) ก็ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาปฐมวัยไว้เช่นกัน
โดยได้เน้นถึงความสำคัญของเด็กก่อนวัยปฐมศึกษาเป็นเป้าหมายสำคัญ
ทั้งนี้เพราะเด็กวัยนี้กำลังประสบปัญหาในเรื่องขาดอาหาร
ขาดหลักประกันทางสาธารณสุขและทางด้านการศึกษา
ฉะนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการจัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา
ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ว่า “รัฐจะสนับสนุนให้ท้องถิ่นและเอกชนจัดให้มากที่สุด
โดยรัฐจะจัดให้มากที่สุดโดยรัฐจะจัดทำเพียงเพื่อเป็นตัวอย่าง
การจัดการศึกษามุ่งเสริมสร้างการโภชนาการที่ถูกต้องและเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อเข้ารับการศึกษาระดับต่อไป”
1.4 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 6
(พ.ศ. 2530 - 2534)
ได้กำหนดนโยบายและเป้าหมายในการจัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาไว้ว่า รัฐจะมุ่งขยายการจัดการศึกษาระดับนี้ไปสู่ส่วนภูมิภาคชนบท
ส่งเสริมให้เอกชนจัดโรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กวัย 3 – 5 ปี ให้มากขึ้น
และรัฐจะส่งเสริมให้เอกชนจัดโรงเรียนอนุบาลให้โรงเรียนร่วมกับชุมชนดำเนินการในพื้นที่มีปัญหาทางการศึกษาทางเศรษฐกิจ
และพื้นที่ชนบทสำหรับในเขตเมืองจะจัดเป็นตัวอย่างและเพื่อการวิจัย
โดยมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมของเด็ก
1.5 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 7
(พ.ศ. 2535 - 2539)
กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาระดับก่อนประถมวัยไว้ว่า
เพื่อจัดและส่งเสริมให้เด็กก่อนประถมศึกษาได้รับการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ให้สอดคล้องหลักจิตวิทยาพัฒนาการ และให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนระดับประถมศึกษาอย่างทั่วถึง
1.6 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ.
2540 - 2544 )
ระบุบการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันจะต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัยไปจนตลอดชีวิต
และกำหนดเป้าหมายว่าเด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการเตรียมความพร้อมอย่างน้อยปีก่อนเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา และขยายการบริการการศึกษาปฐมวัย (3 – 5 ปี )จากร้อยละ 65 เป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90
นอกจากนี้ในส่วนของเด็กปฐมวัยจึงได้กำหนดเป้าหมายไว้คือ “เพิ่มปริมาณการเตรียมความพร้อมทุกด้านของเด็กปฐมวัย
( 0 – 5 ปี )
อย่างมีคุณภาพ” ระบุว่าจะมีการเตรียมความพ้อมโดย
1)
สนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชน คู่สมรส
พ่อแม่มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวและวิธีดูแลลูกที่ถูกต้อง เหมาะสม
โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินงานไปในทิศทางเดี่ยวกัน
2)
สนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กก่อนวัยเรียนได้รับบริการการเตรียมความพร้อมในรูปแบบต่างๆ
เช่น ศูนย์พัฒนาเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็กในที่ทำงานและสถานประกอบการ โดยดำเนินร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน
ชุมชน และครอบครัว
3)
สนับสนุนให้เด็กทุกคนได้รับการส่งเสริมด้านโภชนาการอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
1.7 แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 -
2559) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคนอย่างรอบด้านและสมดล
เพื่อเป็นฐานหลักของพัฒนา
และกำหนดนโยบายหลักเพื่อการดำเนินการว่า
มีการพัฒนาทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิตให้โอกาสเข้าถึงการเรียนรู้โดยกำหนดเป้าหมายให้เด็กปฐมวัยอายุ 0 – 5 ปี
ได้รับการพัฒนาและเตรียมความพร้อมทุกด้านเข้าสู่ระบบการศึกษา และกำหนดกรอบการดำเนินงานคือ
1.
ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัยในรูปแบบที่หลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้การศึกษาแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งผู้ที่เตรียมตัวเป็นพ่อแม่
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพ
ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเพื่อพัฒนารากฐานพัฒนาการของทุกชีวิตอย่างเหมาะสม
3.
จัดบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งที่เป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้บุคคลสามารถเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่หลากหลายเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการและความสนใจ
จะเห็นได้ว่าตามแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ผ่านมารัฐได้มีนโยบายเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่องและพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆคือ
ในช่วงแผนการพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่
3, 4 และ 5
(พ.ศ. 2515 - 2529 )
รัฐยังไม่ได้รับภาระในการจัดการศึกษาปฐมวัยและสนับสนุนให้เอกชนดำเนินการ
ส่วยแผนพัฒนาการการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 6
รัฐได้ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาปฐมวัยเพิ่มมากขึ้นคือ นอกจากสนับสนุนให้เอกชนจัดแล้วรัฐยังสนับสนุนให้โรงเรียนของรัฐในท้องถิ่นห่างไกล จัดการศึกษาในระดับนี้เพิ่มมากขึ้นจนกระทั้งถึงแผนที่ 7, 8 และ 9
เน้นการพัฒนาเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมในทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม
สติปัญญา
อย่างสมดุลในรูปแบบที่หลากหลายทั้งในระบบ และนอกระบบ
และให้ความสำคัญกับการให้การศึกษาแก่พ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับลูกตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น